เตือนโควิด-19 จะกลับมาระบาดรุนแรงช่วงเทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่
วันนี้ (8ธ.ค.63) นพ.แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ ออกโรงเตือนจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 พุ่งสูงอีกครั้งหลังเทศกาลคริสต์มาส หลังจากเพิ่งประสบปัญหาเดียวกันนี้ในวันหยุดเทศกาล “วันขอบคุณพระเจ้า” โดยในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ยาวนานกว่าวันขอบคุณพระเจ้า อาจเป็นปัญหาท้าทายมากขึ้น ขณะนี้ สหรัฐฯ กำลังประสบปัญหาผู้ติดเชื้อที่ถูกส่งเข้าโรงพยาบาล พุ่งในระดับสูงสุดเฉลี่ยเกือบ 200,000 รายต่อวัน
นพ.เฟาซี ซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ขอร้องให้เขาเป็นประธานที่ปรึกษาทางการแพทย์ต่อสู้กับไวรัสโควิดในรัฐบาลชุดใหม่ กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า ความวิตกกังวลของเขาสำหรับเทศกาลคริสต์มาส ก็เหมือนกับความกังวลในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งอาจทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว
นพ.เฟาซี กล่าวอีกว่า ไม่มีใครต้องการเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกฤดูกาลวันหยุดยาว แต่พวกเราอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง เราไม่มีทางหนีความจริงและข้อมูลได้ นี้เป็นเรื่องยากสำหรับทุกคน
ทั้งนี้ มีประชาชนหลายล้านคนฝ่าฝืนข้อเรียกร้องของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ไม่ให้เดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า โดยวันอาทิตย์หลังวันหยุดขอบคุณพระเจ้า วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน เป็นวันที่มีการเดินทางทางอากาศมากที่สุด ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ก็ยังคงหนักหน่วงรุนแรง
นพ.เฟาซี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมเฉพาะกิจแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประธานาธิบดีสำหรับการแสดงความคิดเห็นของเขา กล่าวว่า ประชาชนต้องกลับไปทำงานอีกในสัปดาห์หลังช่วงวันหยุดยาวขอบคุณพระเจ้า แต่มักไม่เหมือนกับช่วงเทศกาลคริสต์มาสต่อเนื่องปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดที่ยาวต่อเนื่อง
สกอตต์ กอตต์เลบ อดีตกรรมาธิการสำนักงานอาหารและยา (เอฟดีเอ) กล่าวว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ อาจเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 400,000 รายภายในสิ้นสุดเดือนมกราคม โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า หลายสิ่งหลายอย่างแย่ลง และจะแย่ลงมากขึ้น
ขณะนี้ สหรัฐมีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 14.7 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 282,500 ราย จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ซึ่งสูงที่สุดในโลกทั้งในแง่ของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต
แหล่งที่มาของข่าว: คลิกที่นี่
น้องจริงจ้า
ผู้ช่วยวิเคราะห์ข่าวกรองให้ทุกท่าน ข่าวไหนจริง หรือ ไม่จริง ตรวจสอบกับน้องจริงจ้าได้ที่นี่เจ้าค่ะ
